ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับยอดค้าปลีกที่ซบเซาของสหรัฐ
ณ เวลา 18.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 201 จุด หรือ 0.85% สู่ระดับ 23,333 จุด
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มทำสถิติทรุดหนักสุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดย ณ ขณะปิดตลาดวานนี้ ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 2% จากต้นสัปดาห์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในคืนนี้จะดิ่งลงหนักเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานว่า ยอดค้าปลีกจะทรุดตัวลง 12.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 หลังจากที่ร่วงลง 8.7% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร จะดิ่งลง 9.6% ในเดือนเม.ย. หลังจากร่วงลง 4.5% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดร้านค้า ขณะที่ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และลดการใช้จ่าย รวมทั้งลดการเดินทาง ซึ่งทำให้ยอดขายของสถานีบริการน้ำมันดิ่งลง
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังถูกกดดัน ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่สหรัฐออกกฎเพื่อสกัดการส่งออกเซมิคอนดัคเตอร์ให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนรายใหญ่หลายรายออกมาตั้งคำถามถึงภาวะฟองสบู่ในตลาด
ทั้งนี้ นายเดวิด เทปเปอร์ ซึ่งเป็นนักลงทุนประเภทมหาเศรษฐีพันล้าน และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
นายเทปเปอร์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริงมากเป็นอันดับสองเท่าที่ผมเคยเห็นมา ซึ่งเป็นรองเพียงในปี 1999 โดยตลาดมีมูลค่าสูงมาก ขณะที่เฟดได้อัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าตลาด"
ทั้งนี้ ค่า Forward P/E ratio อิงตามการประเมินสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นเหนือระดับ 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002
ทางด้านนายสแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ ซึ่งเป็นผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ กล่าวแสดงความเห็นว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นมีมูลค่าเกินความเป็นจริงมากเป็นประวัติการณ์
นายดรักเคนมิลเลอร์ยังกล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมากเกินไปต่อข่าวความคืบหน้าของการผลิตยา remdesivir ซึ่งเป็นยาแอนตี้ไวรัสของบริษัท Gilead Sciences ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19