ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากเมื่อวันจันทร์ตลาดทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ขานรับความหวังเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.61% ปิดที่ 339.49 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,458.16 จุด ลดลง 40.18 จุด หรือ -0.89% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,002.23 จุด ลดลง 46.36 จุด หรือ -0.77% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,075.29 จุด เพิ่มขึ้น 16.42 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังได้แรงหนุนในช่วงแรกจากข่าวที่ว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีเรียกร้องเมื่อวันจันทร์ให้มีการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจว งเงิน 5 แสนล้านยูโร (5.47 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศในสหภาพยุโรป (EU) และภาคธุรกิจต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แต่แรงขายทำกำไรฉุดหุ้นกลุ่มเทเลคอมร่วงลงตามกัน ขณะที่หุ้นของบริษัทเทเลคอม อิตาเลีย ร่วงกว่า 8% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกลดลง และไม่ได้เปิดเผยเป้าหมายผลกำไรหลักในปีนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า การยกเลิกคำสั่งห้ามการขายชอร์ต (short-selling) ใน 6 ประเทศสมาชิก EU นั้นได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซน
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงด้วย หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดขายรถยนต์ในยุโรปร่วงลงเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วทวีปยุโรป
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในยุโรปทรุดตัวลง 76.3% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 270,682 คัน จากระดับ 1,143,046 คันในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรปนั้น ได้ส่งผลให้บริษัทดีลเลอร์รถยนต์ต้องปิดบริการ และยังส่งผลให้ต้องระงับการผลิตและการจำหน่ายรถยนต์