ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) และปิดที่ระดับแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งบวกขึ้นตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลก หลังจากที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลงแล้วเพื่อเปิดดำเนินการในภาคเศรษฐกิจต่างๆ อีกครั้ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.98% ปิดที่ 342.82 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,223.71 จุด เพิ่มขึ้น 148.42 จุด หรือ +1.34%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,496.98 จุด เพิ่มขึ้น 38.82 จุด หรือ +0.87% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,067.16 จุด เพิ่มขึ้น 64.93 จุด หรือ +1.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลงแล้ว เพื่อเริ่มเปิดดำเนินการในภาคเศรษฐกิจต่างๆ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปพุ่งขึ้นมากกว่า 2% โดยปรับตัวขึ้นตามหุ้นกลุ่มเดียวกันของสหรัฐ อาทิ หุ้นเฟซบุ๊ก และอเมซอน ขณะที่หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นแอสตราเซเนกา ซึ่งพุ่งขึ้น 2.4% หลังสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้มีการใช้ยา Lynparza ของบริษัทในการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของอังกฤษ พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังจากที่บริษัทเปิดเผยว่า จะเร่งโครงการฟื้นฟูธุรกิจล่าสุด