ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก หลังเปิดตลาดในแดนลบวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,637.17 จุด บวก 61.27 จุด หรือ 0.26%
ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อเมซอนดีดตัวขึ้น 1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ส่วนอัลฟาเบทและแอปเปิลบวก 0.4% และ 0.3% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ตลาดไม่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในวันนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.44 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.40 ล้านราย
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว บ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ชาวอเมริกันตกงานสูงถึง 38.6 ล้านรายนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานในวันนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว และมีการชะลอตัวติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 นับตั้งแต่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.
สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.52 ล้านราย สู่ระดับ 25.07 ล้านราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ พุ่งขึ้น 2.3 ล้านราย และดีดตัวเหนือระดับ 22 ล้านราย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่เมื่อวานนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ในการอนุมัติร่างกฎหมายซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐถูกถอดออกจากตลาด นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอาจทำให้บริษัทจีนจำนวนมากไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ หรือระดมเงินทุนจากนักลงทุนชาวอเมริกันได้ในอนาคต
ข่าวดังกล่าวทำให้บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เช่น อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง, ไป่ตู้ อิงค์ และ JD.com ต่างดิ่งลงในวันนี้ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ