ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนชะลอการเข้าซื้อหุ้นก่อนวันหยุดยาวของตลาดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค.เนื่องในวันเมมโมเรียล เดย์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,465.16 จุด ลดลง 8.96 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,324.59 จุด เพิ่มขึ้น 39.71 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,955.45 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด, +0.24%
แต่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 3.3%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.2% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 3.4%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเตือนเมื่อวันพฤหัสบดี (21 พ.ค.) ว่า สหรัฐจะตอบโต้อย่างแข็งกร้าวกับแผนการของจีนที่จะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง และความตึงเครียดดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่าง 2 ประเทศ
นายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้เสนอกฎหมายใหม่ในวันศุกร์ (22 พ.ค.) ที่ระบุให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็วภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง
นอกจากนี้ การที่จีนระงับการกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำปีนี้ ได้ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ตลาดเผชิญแรงกดดันอยู่แล้ว หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาให้ผ่านร่างกฎหมาย "Holding Foreign Companies Accountable Act" ซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐถูกเพิกถอนออกจากตลาด
ตลาดยังถูกถ่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทและสถาบันของจีนอีก 33 แห่ง เนื่องจากกระทำการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดลง หลังราคาน้ำมันร่วงลง โดยหุ้นเชฟรอน ร่วง 1.9%
หุ้นอาลีบาบา ร่วงลงเกือบ 6% แม้รายงานผลกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้นเกินคาดก็ตาม
ทั้งนี้ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา