ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการนำตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ประเทศต่างๆ ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ดำเนินมานานหลายเดือนลงแล้ว หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.08% ปิดที่ 348.92 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,504.65 จุด เพิ่มขึ้น 113.37 จุด หรือ +1.00%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,606.24 จุด เพิ่มขึ้น 66.33 จุด หรือ +1.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,067.76 จุด เพิ่มขึ้น 74.48 จุด หรือ +1.24%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มการเดินทางทะยานขึ้นขานรับรายงานข่าวที่ว่า สเปน และเยอรมนีจะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
หุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ พุ่งขึ้นกว่า 22%, หุ้นอีซีเจ็ต พุ่งขึ้น 19% และหุ้น TUI ทะยานขึ้นกว่า 52%
ส่วนหุ้นลุฟท์ฮันซาของเยอรมนี ปรับตัวขึ้น 6.83% หลังรัฐบาลเยอรมนีอัดฉีดเงินช่วยเหลือ 9 พันล้านยูโร (9.87 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มประกัน และกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ปรับตัวขึ้นด้วย
หุ้นเรโนลต์และหุ้นเปอโยต์ พุ่งขึ้น หลังนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเปิดเผยว่า มาตรการที่ประกาศเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของฝรั่งเศสนั้นมีมูลค่ารวมมากกว่า 8 พันล้านยูโร (8.8 พันล้านดอลลาร์)
ส่วนตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้นขานรับข่าวที่ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิดร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยการตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง
บรรดานักลงทุนจะจับตารอดูคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจยูโรโซนในวันพุธนี้ เพื่อประเมินความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อเสนอของฝรั่งเศสและเยอรมนีในการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 วงเงิน 5 แสนล้านยูโร