ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 19.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 154 จุด หรือ 0.6% สู่ระดับ 25,688 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 500 จุด ทะลุแนว 25,000 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับความหวังที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐและประเทศอื่นๆทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับข่าวการเปิดเศรษฐกิจในหลายประเทศ
ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติเห็นชอบวันนี้ให้มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง
โดยกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐสภาของจีนในการจัดทำกรอบกฎหมาย และบังคับใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อป้องกันและลงโทษการกบฏ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการแทรกแซงของต่างชาติ หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ
ทางด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ได้รายงานต่อสภาคองเกรสสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า ฮ่องกงไม่ได้มีความเป็นอิสระในการปกครองตนเองจากจีนอีกต่อไป
"ขณะที่สหรัฐเคยหวังว่าฮ่องกง ซึ่งมีความเป็นอิสระและมั่งคั่ง จะช่วยเป็นแบบอย่างสำหรับจีน แต่บัดนี้กลับปรากฎชัดว่าจีนกำลังสร้างฮ่องกงให้เป็นเหมือนตนเอง" รายงานระบุ
การดำเนินการดังกล่าวของนายปอมเปโออาจกระทบต่อสถานะพิเศษของฮ่องกง ซึ่งได้รับการเอื้อประโยชน์ทางการค้ากับสหรัฐ
ที่ผ่านมา ฮ่องกงได้รับการยกเว้นภาษีต่อสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐยังคงเก็บภาษีต่อสินค้าที่จีนส่งออกไปยังสหรัฐจากการที่ทั้งสองฝ่ายทำสงครามการค้าระหว่างกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานจำนวน 2.05 ล้านราย โดยตัวเลขดังกล่าวลดลงจากระดับ 2.44 ล้านรายที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเริ่มชะลอตัวลง นับตั้งแต่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานบ่งชี้ถึงผลกระทบที่ตลาดแรงงานสหรัฐได้รับจากการที่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐต้องปิดตัวลงอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่เศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเร็วเพียงใด จะขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย.