ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) ขานรับตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,269.89 จุด พุ่งขึ้น 527.24 จุด หรือ +2.05% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,122.87 จุด เพิ่มขึ้น 42.05 จุด หรือ +1.36% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,682.91 จุด เพิ่มขึ้น 74.54 จุด หรือ +0.78%
ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ปีนี้ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 2.76 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. แต่ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 8.75 ล้านตำแหน่ง และดีกว่าในเดือนเม.ย.ที่ตัวเลขจ้างงานทรุดตัวลง 19.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นภาวะการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2545
นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ อนาลิติกส์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนพ.ค.อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานได้ผ่านภาวะย่ำแย่ที่สุดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"ข่าวดีก็คือ ผมคิดว่าเราได้ผ่านพ้นภาวะถดถอยจากโควิด-19 แล้ว ยกเว้นเราจะเจอการแพร่ระบาดรอบสอง หรือมีการใช้นโยบายที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง ส่วนข่าวร้ายคือ การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างล่าช้า จนกว่าจะมีการคันพบวัคซีน และยารักษาโควิด-19 ที่จะมีการกระจาย และมีการใช้ในวงกว้าง" นายแซนดีแสดงความเห็น
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เคยนำมาใช้อย่างเข้มงวดในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก นอกจากนี้ การชุมนุมประท้วงในสหรัฐที่เริ่มเป็นไปอย่างสงบ ก็เป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเช่นกัน
หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญยังคงได้ปัจจัยบวกจากความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยหุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 3.82% หุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 3.45% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป เพิ่มขึ้น 2.25%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นจากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 12.92% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ บวก 3.07% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 4.47% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.33% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 6.49%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 5.39% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 5.22% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3.16% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 4.6% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ บวก 2.92%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.08% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.65% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.75% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.07%
นอกเหนือจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่ดีเกินคาดแล้ว ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 45.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 44.0 หลังจากดิ่งลงแตะ 41.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนเม.ย., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2563 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5%