ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ขานรับมุมมองบวกที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวหลังจากทั้ง 50 รัฐของสหรัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,572.44 จุด พุ่งขึ้น 461.46 จุด หรือ +1.70% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,232.39 จุด เพิ่มขึ้น 38.46 จุด หรือ +1.20% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,924.75 จุด เพิ่มขึ้น 110.66 จุด หรือ +1.13%
นักวิเคราะห์จากบริษัทซีเอฟอาร์เอ รีเสิร์ช ในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากทั้ง 50 รัฐในสหรัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ค. ยังทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นในลักษณะ V-shape ในไตรมาส 2 ปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 14.82%หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 9.25% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 6.3% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 8.19%
หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 8.18% หุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง ทะยานขึ้น 19.75% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 15.81%
ส่วนหุ้นในกลุ่มค้าปลีกนั้น หุ้นเมซีส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 8.89% หุ้นโฮม ดีโปท์ บวก 0.68% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 8.47% หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ พุ่งขึ้น 5.79% หุ้นนอร์ดสตรอม พุ่งขึ้น 4.16%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองบวกต่อทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.03% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.41% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 17.36% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 12.95%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 5.08% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ บวก 0.63% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.62% หุ้นแอปเปิล บวก 0.59% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.56% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.27%
หุ้น Gilead Sciences ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.29% หลังมีข่าวว่า บริษัท AstraZeneca ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ได้ติดต่อบริษัท Gilead เพื่อหารือเกี่ยวกับการควบรวมกิจการเพื่อก่อตั้งบริษัทยาขนาดใหญ่ของโลกที่มีมูลค่าตลาดรวมกันมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 9-10 มิ.ย. เพื่อมองหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะจัดการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 10 มิ.ย. โดยคาดว่าเขาจะเน้นย้ำว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยไม่จำกัดวงเงินและเวลา เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน