ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 300 จุดในวันนี้ โดยนักลงทุนพากันเทขายทำกำไรจากการดีดตัวขึ้นก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ดาวโจนส์ร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ
ณ เวลา 20.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,207.65 จุด ลบ 364.79 จุด หรือ 1.32%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้จากการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากการที่รัฐต่างๆของสหรัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวลงในการซื้อขายวันนี้
ทางด้านสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐยุติช่วงการขยายตัวที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
NBER เปิดเผยว่า การทรุดตัวของการจ้างงานและการผลิตในระดับที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน และผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐดิ่งลง 4.8% ในไตรมาสแรก ขณะที่คาดว่า GDP ในไตรมาส 2 จะทรุดตัวลงมากกว่า 20%
นอกจากนี้ ตัวเลขอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. และแตะ 13.3% ในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ดี NBER คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบนี้ นอกจากจะมีความรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ยังทำสถิติช่วงเวลาสั้นที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ โดยมองหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะจัดการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าเขาจะเน้นย้ำว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยไม่จำกัดวงเงินและเวลา เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาด
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 4.5 จุด สู่ระดับ 94.4 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนีความเชื่อมั่นดิ่งลงอย่างหนักในเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และดัชนีก็ยังคงปรับตัวลงในเดือนเม.ย.
NFIB ระบุว่า เจ้าของกิจการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า หลังจากที่ความเชื่อมั่นแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. โดยบริษัทจำนวนมากขึ้นระบุว่ามีแผนที่จะลงทุนและจ้างงาน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการ Paycheck Protection Program ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งช่วยให้บรรดานายจ้างมีเงินทุนในการว่าจ้างพนักงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
ที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมมีผลงานที่ดีในการบ่งชี้แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ