ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลดลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,882.28 จุด ลดลง 242.67 จุด, -1.05% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,791.36 จุด ลดลง 258.37 จุด, -1.03% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,559.96 จุด ลดลง 15.31 จุด, -0.97%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และยืนยันว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของราคา
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้น 5% ในปี 2564 และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 9.3% ในปีนี้ ก่อนที่จะลดลงแตะระดับ 6.5% และ 5.5% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลสหรัฐนำมาใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดนั้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และทำให้ตัวเลขการว่างงานพุ่งขึ้นด้วย ขณะเดียวกันมีแนวโน้มว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสปัจจุบันของสหรัฐจะลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในตลาดแรงงานนั้น แม้ตัวเลขการจ้างงานจะดีดตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ค. แต่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการว่างงานในหมู่คนงานที่มีรายได้ต่ำ กลุ่มสตรี และชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
ทั้งนี้ นายพาวเวลให้คำมั่นว่า เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ โดยเฟดใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่สภาพดี