ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่ตลาดยังคงปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.28% ปิดที่ 354.06 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,839.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.67 จุด หรือ +0.49% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,105.18 จุด เพิ่มขึ้น 28.48 จุด หรือ +0.47% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,949.28 จุด ลดลง 21.02 จุด หรือ -0.18%
ตลาดฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยหลังถูกกดดันก่อนหน้านี้จากการที่เฟดคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ขณะที่อัตราการว่างงานอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.3% หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน ซึ่งร่วงลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนร่วงลงเป็นประวัติการณ์ถึง 17.1% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาวะธุรกิจชะงักงันทั้งภาคการผลิตและการก่อสร้างของยุโรป
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์, ทรัพยากร และอสังหาริมทรัพย์ ฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากการร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ หุ้นเชลล์, บีพี และโททาล ปรับตัวขึ้นด้วย แม้ราคาน้ำมันลดลงก็ตาม