ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 300 จุดเช้านี้ วิตกโควิดระบาดรอบสองในสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 15, 2020 06:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 300 จุดในช่วงเช้านี้ตามเวลาไทย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้น ภายหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ณ เวลา 06.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 336 จุด หรือ 1.32% แตะที่ 25,062 จุด

ทั้งนี้ แม้ว่าดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดีดตัวขึ้น 477.37 จุด หรือ 1.90% เมื่อวันศุกร์ (12 มิ.ย.) แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 5.6% ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งลง 4.8% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 2.3% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์ที่คิดเป็นเปอร์เซนต์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นในหลายรัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐอริโซนา, เซาท์ แคโรไลนา และเท็กซัส หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกนั้น เปิดเผยข้อมูลล่าสุดระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,161,117 ราย และมีผู้เสียชีวิต 117,849 ราย โดยสหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส แสดงความเห็นในรายการ "Face The Nation" ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสในวันอาทิตย์ว่า การที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวรวดเร็วเพียงใดนั้น จะขึ้นอยู่กับว่ามาตรการด้านสาธารณสุขมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากเพียงใด

ทางด้านนายเจย์ บัตเลอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายโรคติดเชื้อของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า รัฐต่างๆ ของสหรัฐอาจจำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดอีกครั้ง หากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมาก รัฐเท็กซัสเป็นรัฐแรกๆ ที่ผ่อนคลายมาตรการสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน โดยยกเลิกมาตรการดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 เม.ย. แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐได้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ระดับสูงสุดใหม่ และมีจำนวนผู้ป่วยโควิดเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลทำลายสถิติสูงสุดด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ