ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ทั้งในจีนและสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,183.55 จุด ลดลง 121.93 จุด, -0.55% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,150.85 จุด ลดลง 150.53 จุด, -0.62% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,516.15 จุด ลดลง 29.87 จุด, -1.93%
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงในวันนี้ว่า ณ วันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 49 ราย โดยเกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศ 39 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อในประเทศ 36 รายมาจากปักกิ่ง ส่วนอีก 3 รายมาจากมณฑลเหอเป่ย อย่างไรก็ดี จีนไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ ณ วันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย.
นางซุน ชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้เรียกร้องให้มีการใช้มาตรการอย่างเด็ดขาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกรุงปักกิ่ง พร้อมกับเตือนว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงปักกิ่งล้วนมีความเชื่อมโยงกับตลาดซินฟาตี้ ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่มีขนาดใหญ่และมีผู้คนมาเยือนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ความเสี่ยงที่ไวรัสโควิด-19 จะแพร่ระบาดสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้น ภายหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกนั้น เปิดเผยข้อมูลล่าสุดระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,161,117 ราย และมีผู้เสียชีวิต 117,849 ราย โดยสหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นดัชนีวัดภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ปรับตัวขึ้น 4.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าในเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 3.9% เนื่องจากกิจกรรมด้านโรงงานเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลมีการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะที่ยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 6.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แตะที่ระดับ 19.92 ล้านล้านหยวน (2.81 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ส่วนยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของจีนร่วงลง 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.3%