ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน ขณะที่นักลงทุนผิดหวังกับตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่สูงเกินคาด และวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,386.41 จุด เพิ่มขึ้น 30.95 จุด, +0.14% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,448.16 จุด ลดลง 16.78 จุด, -0.07% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,503.19 จุด ลดลง 1.72 จุด, -0.11%
นักลงทุนผิดหวังหลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.5 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 13 แม้ว่ารัฐต่าง ๆ ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ไวรัสโควิด-19 อาจกลับมาแพร่ระบาดรอบสอง หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับจีน หลังจากความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสหรัฐไม่พอใจที่จีนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาอาหารสดซึ่งมีความผันผวน ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเดือนที่ 2 อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเดือนพ.ค. ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 6.863 หมื่นล้านหยวน
ทางด้านกระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า รายได้ด้านการคลังของจีนในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. ปรับตัวลดลง 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แตะ 7.77 ล้านล้านหยวน (1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)