ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งมุมมองบวกที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติแผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,024.96 จุด เพิ่มขึ้น 153.50 จุด หรือ +0.59% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,117.86 จุด เพิ่มขึ้น 20.12 จุด หรือ +0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,056.47 จุด เพิ่มขึ้น 110.35 จุด หรือ +1.11% โดยดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.78% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.16% หุ้นอัลฟาเบท บวก 1.83% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.45% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ปรับตัวขึ้น 1% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นอินเทล บวก 0.8%
ทั้งนี้ แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่บน iPhone และ Apple Watch ในงาน Worldwide Developers Conference เมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นแอปเปิลดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาหุ้นร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากข่าวการปิดแอปเปิล สโตร์หลายแห่งเป็นการชั่วคราวในรัฐฟลอริดา, แอริโซนา, เซาท์แคโรไลนา และนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หรืออาจดีดตัวขึ้นในลักษณะ V-Shape แม้ว่ายอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายรัฐของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นก็ตาม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายราย ซึ่งรวมถึงสตีฟ ชวาร์ซแมน ผู้บริหารของแบล็คสโตน กรุ๊ป คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะอยู่ในลักษณะ V-Shape ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราเดียวกับในปี 2562 นั้น อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก็ตาม
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเมื่อนายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐจะไม่เผชิญกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 และเชื่อว่าจะไม่มีการชัตดาวน์เศรษฐกิจทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติแผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยแผนการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคได้รับแรงหนุนจากความหวังดังกล่าว โดยหุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.85% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี บวก 0.51% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น บวก 0.1%
อย่างไรก็ดี หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.75% หลังจากบริษัทประกาศแผนการระดมทุนมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่อง โดยการระดมทุนดังกล่าวจะดำเนินการผ่านหลายช่องทาง ซึ่งรวมถึงการออกหุ้นกู้และการขายหุ้นในบริษัท
หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ร่วงลง 2.86% จากข่าวที่ว่า จีนได้สั่งระงับการนำเข้าเนื้อไก่จากไทสัน ฟู้ดส์ หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงงานผลิตที่เมืองสปริงเดล รัฐอาร์คันซอส์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ +2.61 ในเดือนพ.ค. จากระดับ -17.89 ในเดือนเม.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาขยายตัว
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 9.7% สู่ระดับ 3.91 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเดือนที่สามติดต่อกัน อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดริชมอนด์, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน