ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 500 จุดในวันนี้ จากการที่รัฐเท็กซัสประกาศยกเลิกแผนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเฟสต่อไป หลังจากพบว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้น
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการซื้อหุ้นคืน และจำกัดการจ่ายเงินปันผล หลังจากมีการเปิดเผยผลทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 34 แห่งในสหรัฐ
ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,171.08 จุด ลบ 574.52 จุด หรือ 2.23%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวลงในการซื้อขายวันนี้
นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส กล่าวว่า ทางรัฐจะระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเฟสต่อไป เนื่องจากยังคงมีการรายงานการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการก่อนหน้านี้ จะยังคงสามารถดำเนินการต่อไปได้
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจมีจำนวนสูงกว่าตัวเลขที่มีการรายงานถึง 10 เท่า
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอยู่ที่ 2,422,312 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 124,415 ราย
นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่า การประเมินดังกล่าวอ้างอิงจากการตรวจแอนติบอดี ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวอเมริกันอย่างน้อย 24 ล้านคนได้ติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้
นายเรดฟิลด์เชื่อว่า ประชากรสหรัฐราว 5-8% ได้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
นอกจากนี้ นายเรดฟิลด์ยังเตือนว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มากกว่า 90% มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19
ราคาหุ้นบริษัทไนกี้ อิงค์ ดิ่งลงกว่า 5% ในวันนี้ หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าประสบภาวะขาดทุนและรายได้ต่ำกว่าคาดในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้ร้านค้าจำนวนมากของบริษัทต้องปิดทำการในช่วงดังกล่าว และแม้ว่ายอดขายผ่านระบบออนไลน์พุ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 8.2% ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9.0% หลังจากดิ่งลง 12.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502
การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปิดร้านค้าต่างๆ ส่งผลให้มีผู้ตกงานจำนวนมาก และฉุดอุปสงค์ในการใช้จ่ายสินค้า
อย่างไรก็ดี รายได้ส่วนบุคคลลดลง 4.2% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 10.8% ในเดือนเม.ย.