ดัชนีดาวโจนส์พักฐานในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในคืนนี้
ณ เวลา 21.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,557.93 จุด ลบ 37.87 จุด หรือ 0.15%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวลงในวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 600 จุดเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่ทะยานขึ้นกว่า 14% และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า รัฐต่างๆในสหรัฐจะไม่ออกมาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
วันนี้นับเป็นวันซื้อขายสุดท้ายของเดือนมิ.ย. โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 0.4% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้จนถึงขณะปิดตลาดวานนี้
นอกจากนี้ วันนี้ยังเป็นวันซื้อขายสุดท้ายสำหรับไตรมาส 2 โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 16% ในไตรมาสนี้ และมีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2541
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลและนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ โดยทั้งสองจะกล่าวถึงบทบาทของเฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายพาวเวลและนายมนูชินมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงในเวลา 12.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.30 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ สื่อได้เผยแพร่ร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวล ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการฯในวันนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ท่ามกลางความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"การผลิตและการจ้างงานยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาด ขณะที่เศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอนอย่างมาก และขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นายพาวเวลกล่าว
"การฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ และแนวโน้มในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการดำเนินมาตรการของรัฐบาลในทุกระดับเพื่อให้การเยียวยาและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ" เขากล่าว
สำหรับการรับมือต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น นายพาวเวลระบุว่า เฟดได้ออกมาตรการที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนการทำงานของตลาด และปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจที่มีความต้องการเงินทุน
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นใกล้ระดับ 0% ซึ่งนายพาวเวลยืนยันว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น และบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของราคา ขณะที่เฟดจะจับตาความคืบหน้าที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะปรับแผนของเฟดให้มีความเหมาะสมเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว