ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวกในวันนี้ หลังร่วงลงในช่วงแรก โดยดาวโจนส์มีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสในรอบกว่า 20 ปี
ณ เวลา 22.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,625.38 จุด บวก 29.58 จุด หรือ 0.12%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งแตะระดับสูงสุดระหว่างวัน หลังจากที่รัฐฟลอริดาเปิดเผยว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 4.2% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 7 วันที่ระดับ 5.6%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสในวันนี้
วันนี้นับเป็นวันซื้อขายสุดท้ายของเดือนมิ.ย. โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 0.4% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้จนถึงขณะปิดตลาดวานนี้
นอกจากนี้ วันนี้ยังเป็นวันซื้อขายสุดท้ายสำหรับไตรมาส 2 โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 16% ในไตรมาสนี้ และมีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2541
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ โดยทั้งสองจะกล่าวถึงบทบาทของเฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายพาวเวลและนายมนูชินมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงในเวลา 12.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.30 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ สื่อได้เผยแพร่ร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวล ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการฯในวันนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ท่ามกลางความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"การผลิตและการจ้างงานยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาด ขณะที่เศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอนอย่างมาก และขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นายพาวเวลกล่าว
"การฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ และแนวโน้มในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการดำเนินมาตรการของรัฐบาลในทุกระดับเพื่อให้การเยียวยาและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ" เขากล่าว
สำหรับการรับมือต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น นายพาวเวลระบุว่า เฟดได้ออกมาตรการที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนการทำงานของตลาด และปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจที่มีความต้องการเงินทุน
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นใกล้ระดับ 0% ซึ่งนายพาวเวลยืนยันว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น และบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของราคา ขณะที่เฟดจะจับตาความคืบหน้าที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะปรับแผนของเฟดให้มีความเหมาะสมเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 98.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 85.9 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 91.0
ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เริ่มมีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง
ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้าต่างก็ดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
ส่วนผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนมี.ค.
ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนมี.ค.
ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองฟีนิกซ์ ซีแอตเติล และมินเนอาโพลิส
ราคาบ้านได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน, สต็อกบ้านที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับต่ำ