ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.นั้น ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันพยุงเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,812.88 จุด เพิ่มขึ้น 217.08 จุด หรือ +0.85% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,100.29 จุด เพิ่มขึ้น 47.05 จุด หรือ +1.54% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,058.77 จุด เพิ่มขึ้น 184.61 จุด หรือ +1.87%
ตลอดไตรมาส 2 ปีนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 17.78% ซึ่งเป็นสถิติรายไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2530 ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 30.63% ทำสถิติรายไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2542 ส่วนดัชนี S&P พุ่งขึ้นราว 19.95% ซึ่งทำสถิติรายไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนมี.ค. โดยราคาบ้านเดือนเม.ย.ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน, สต็อกบ้านที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับต่ำ
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 98.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 85.9 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 91.0 โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เริ่มมีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายพาวเวลและนายมนูชินได้ให้คำมั่นในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดและกระทรวงการคลังจะเดินหน้าพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขในครั้งนี้ไปให้ได้
ทั้งนี้ นายมนูชินกล่าวว่า กระทรวงการคลังและเฟดกำลังหาลู่ทางที่จะขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉิน 11 โครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยเฟดให้สามารถเข้าถึงความต้องการของตลาดเป็นวงกว้าง ขณะที่นายพาวเวลกล่าวว่า เป้าหมายของโครงการเงินกู้ของเฟดนั้น คือการช่วยเหลือประชาชนราว 25 ล้านคนที่ตกงานในช่วงโควิด-19 ระบาด ให้สามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งพิจารณาความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับภาคครัวเรือน บริษัทเอกชน รัฐบาลของรัฐต่างๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากความเสียหายในระยะยาว
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการให้คำมั่นสัญญาของประธานเฟดและรมว.คลังสหรัฐ ช่วยหนุนหุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.2% และดัชนีกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1.95% โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.75% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.9%
ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น ราคาหุ้นในกลุ่ม FAANG พุ่งขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นแอปเปิล บวก 0.83% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.74% และหุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.49%
หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ทะยานขึ้น 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากความต้องการชิปสำหรับการใช้งานในโน๊ตบุ๊ค
หุ้นอูเบอร์ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากมีรายงานว่า อูเบอร์กำลังเจรจาเพื่อซื้อธุรกิจ Postmates ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ให้บริการส่งอาหาร
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราว่างงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.