ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตและภาคบริการที่แข็งแกร่งขึ้นในเดือนมิ.ย. และประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดดำเนินการด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจสหภาพยุโรปวงเงิน 1.8 ล้านล้านยูโร และความหวังเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.13% ปิดที่ 360.34 จุด และปรับตัวขึ้น 12.44% ในไตรมาส 2 ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นรายไตรมาสมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2558
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,310.93 จุด เพิ่มขึ้น 78.81 จุด หรือ +0.64% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,935.99 จุด ลดลง 9.46 จุด หรือ -0.19% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,169.74 จุด ลดลง 56.03 จุด หรือ -0.90%
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นเอชีย ขานรับสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 จากระดับ 50.6 ในเดือนพ.ค. และดัชนี PMI ภาคบริการในเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.4 จากระดับ 53.6 ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ได้ทำการลงมติเมื่อวานนี้เพื่ออนุมัติรายชื่อประเทศที่ปลอดภัยนอก EU ซึ่งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากกลุ่มประเทศดังกล่าวจะสามารถเดินทางเข้าสู่ EU ได้
ทั้งนี้ EU ได้ทำการอนุมัติ 15 ประเทศในรายชื่อดังกล่าว ซึ่งได้แก่ ไทย จีน แอลจีเรีย ออสเตรเลีย แคนาดา จอร์เจีย ญี่ปุ่น มอนเตเนโกร โมรอกโก นิวซีแลนด์ รวันดา เซอร์เบีย เกาหลีใต้ ตูนิเซีย และอุรุกวัย โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้จะสามารถเดินทางเข้าสู่ EU ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปปรับตัวขึ้น อาทิ เอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์, อินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ และ เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล หลังบริษัทไมครอน เทคโนโลยีของสหรัฐคาดการณ์รายได้ที่สดใส