ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522 นอกจากนี้ การที่หุ้นเชลล์ร่วงลงเกือบ 4% ถ่วงตลาดลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,169.74 จุด ลดลง 56.03 จุด หรือ -0.90% แต่ดัชนีปิดตลาดไตรมาส 2/2563 ปรับตัวขึ้น 8.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2553
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลง หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกของปี 2563 ลดลง 2.2% เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นการหดตัวลงมากที่สุดนับแต่ปี 2522 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะติดลบ 2%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ร่วง 4% หลังบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่สัญชาติดัทช์และอังกฤษแห่งนี้ ประกาศแผนการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ลงราวง 1.5-2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้บริษัทต้องปรับลดแนวโน้มราคาน้ำมันและก๊าซลงอย่างมาก
ส่วนหุ้นบีพี ร่วงลง 2.5% โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง