ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาด แม้ว่าตลาดจะยังคงวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.97% ปิดที่ 368.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,049.38 จุด เพิ่มขึ้น 122.45 จุด หรือ +2.49%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,608.46 จุด เพิ่มขึ้น 347.89 จุด หรือ +2.84% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,240.36 จุด เพิ่มขึ้น 82.40 จุด หรือ +1.34%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ลดลงสู่ระดับ 11.1% จากระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่สองติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 12.3%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ โดยกล่าวว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง หลังถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัท BioNTech ของเยอรมนี ร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐ ซึ่งได้ผลดีในการทดลองขั้นต้นกับคน
หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นตามกัน โดยกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์, เคมีภัณฑ์ และประกัน ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ พุ่ง 4.65%, หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล พุ่ง 5.50%, หุ้นเรโนลต์ พุ่ง 5.14% และหุ้นเดมเลอร์ พุ่ง 4.22%