ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบ นักลงทุนจับตาผลประกอบการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 14, 2020 20:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารสหรัฐ

ณ เวลา 20.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 15 จุด หรือ 0.06% สู่ระดับ 25,953 จุด

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่จะเริ่มรายงานตัวเลขผลกำไรในวันนี้

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนโดยรวมของสหรัฐจะรายงานผลประกอบการร่วงลง 44% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551

ราคาหุ้นของเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้นกว่า 1% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังเปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าคาด

เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของธุรกรรมเทรดดิ้ง

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 1.38 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.04 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 3.30 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.03 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน รายได้จากธุรกรรมเทรดดิ้งพุ่งขึ้น 79% สู่ระดับ 9.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้จากการซื้อขายพันธบัตรและหลักทรัพย์สูงเกินคาด

ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 เช่นกัน ส่วนเวลส์ ฟาร์โกเปิดเผยว่า ทางธนาคารประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 2 ขณะที่รายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทางด้านเดลต้า แอร์ไลน์ อิงค์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ทางสายการบินประสบภาวะขาดทุนสุทธิ 5.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศได้หยุดชะงักลงจากการที่รัฐบาลต่างๆประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

เดลต้า แอร์ไลน์ เปิดเผยว่า รายได้ทรุดตัวลง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 1.47 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และใกล้เคียงกับที่ทางบริษัทคาดการณ์ว่าจะลดลง 90%

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน

การฟื้นตัวของดัชนี CPI ในเดือนมิ.ย.ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ