ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ
ณ เวลา 20.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,092.83 จุด บวก 7.03 จุด หรือ 0.03%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงร่วงลงในวันนี้ ต่อเนื่องจากที่ทรุดตัวลงวานนี้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่เริ่มรายงานผลประกอบการในวันนี้
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนโดยรวมของสหรัฐจะรายงานผลประกอบการร่วงลง 44% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551
ราคาหุ้นของเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้นกว่า 1% หลังเปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าคาด
เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของธุรกรรมเทรดดิ้ง
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 1.38 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.04 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 3.30 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.03 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน รายได้จากธุรกรรมเทรดดิ้งพุ่งขึ้น 79% สู่ระดับ 9.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้จากการซื้อขายพันธบัตรและหลักทรัพย์สูงเกินคาด
ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 เช่นกัน ส่วนเวลส์ ฟาร์โกเปิดเผยว่า ทางธนาคารประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 2 ขณะที่รายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทางด้านเดลต้า แอร์ไลน์ อิงค์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ทางสายการบินประสบภาวะขาดทุนสุทธิ 5.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศได้หยุดชะงักลงจากการที่รัฐบาลต่างๆประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เดลต้า แอร์ไลน์ เปิดเผยว่า รายได้ทรุดตัวลง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 1.47 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และใกล้เคียงกับที่ทางบริษัทคาดการณ์ว่าจะลดลง 90%
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปพุ่งขึ้นในเดือนมิ.ย. ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน
การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI ทั่วไปในเดือนมิ.ย.ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไปดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2555 หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.เช่นกัน หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายปี