ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน โดยนักลงทุนขานรับข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 แต่ในขณะเดียวกันก็วิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,912.24 จุด เพิ่มขึ้น 325.23 จุด, +1.44% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 25,337.34 จุด ลดลง 140.55 จุด, -0.55% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,595.22 จุด ลดลง 3.53 จุด, -0.22%
ตลาดได้รับปัจจัยบวกหลังจากที่โมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ เปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทผลิตขึ้นนั้น สามารถสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันได้อย่าง "แข็งแกร่ง"
โมเดอร์นาออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำวันอังคารตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า ผลการทดลองขั้นต้นในการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 กับผู้ป่วย 45 คนพบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันในระดับที่แข็งแกร่ง โดยผู้ป่วยทั้ง 45 คนสามารถผลิตแอนติบอดีที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน และได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นว่า วัคซีนอาจสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังต้องจับตาสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการคว่ำบาตรจีน เพื่อตอบโต้จีนที่แทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหาร เพื่อยุติการให้สถานะพิเศษแก่ฮ่องกงด้วย
ปธน.ทรัมป์แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า "นับตั้งแต่นี้ ฮ่องกงจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ได้รับการปฏิบัติทางเศรษฐกิจแบบพิเศษ และจะไม่มีการส่งออกเทคโนโลยีที่อ่อนไหว นอกจากนี้ เราจะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่ามหาศาลจากจีน"