ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้น หลังผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน และยังคงวิตกกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนบางส่วนชะลอการซื้อขายเพื่อรอผลการประชุมผู้นำยุโรปเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.47% ปิดที่ 372.13 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,085.28 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -0.46%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,874.97 จุด ลดลง 56.01 จุด หรือ -0.43% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,250.69 จุด ลดลง 41.96 จุด หรือ -0.67%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินในการซื้อพันธบัตรในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่ ECB ยังคงจับตาเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% และมีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร โดยจะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมิ.ย. 2564
ผู้นำของ 27 ชาติที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) จะประชุมกันในวันศุกร์นี้ เพื่อพยายามที่จะตกลงกันเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจขนาด 7.50 แสนล้านยูโร
ตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดจากการกลับไปดำเนินมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่
นอกจากนี้ การบริโภคในประเทศที่อ่อนแอลงของจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของยุโรป และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีนถ่วงตลาดลงด้วย
หุ้นหลุยส์ วิตตอง, แอร์เมส และหุ้นเคอริ่ง ซึ่งพึ่งพารายได้ส่วนใหญ่จากจีน ปรับตัวลง 0.95%, 2.15% และ 1.28% ตามลำดับ
หุ้นริชมอนต์ ร่วง 4.6% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 2/2563 ลดลงเกือบครึ่ง