ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ โดยการซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งมีกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2
ณ เวลา 21.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,629.06 จุด ลบ 105.65 จุด หรือ 0.40%
ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์อ่อนตัวลงในวันนี้ แต่ได้พุ่งขึ้น 2.4% ในสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
ราคาหุ้นของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ดิ่งลง 7% ในวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ว่ารายได้และจำนวนผู้ใช้บริการสูงเกินคาด
ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.59 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.81 ดอลลาร์/หุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 6.15 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.08 พันล้านดอลลาร์
ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10.09 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.26 ล้านราย
การทรุดตัวลงของหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงตามกัน
นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า เขารู้สึกผิดหวังต่อรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่ว่า เรายังคงไม่มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างเพียงพอ โดยความน่าเชื่อถือของนักวิทยาศาสตร์อย่างคุณ และ CDC (ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ) กำลังถูกบ่อนทำลาย ขณะที่รัฐบาลกำลังตั้งข้อสงสัยว่าประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่" นายซัคเคอร์เบิร์กกล่าว
"ขณะนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าภาวะการแพร่ระบาดในสหรัฐมีความรุนแรงมากกว่าประเทศอื่น และรัฐบาลของเรามีประสิทธิภาพต่ำในการรับมือกับสถานการณ์นี้" เขากล่าว
นอกจากนี้ นายซัคเคอร์เบิร์กยังกล่าวว่า การระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐในเดือนก.ค. เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายซัคเคอร์เบิร์กมีขึ้น ในระหว่างการแชทผ่านระบบสตรีมมิ่งกับนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว
ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อจำนวน 3,695,581 ราย และมีผู้เสียชีวิต 141,125 ราย
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 17.3% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.186 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2559 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.169 ล้านยูนิต จากระดับ 1.011 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. การพุ่งขึ้นของตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทต่างๆอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19