ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกตึงเครียดสหรัฐ-จีน,โควิดทุบตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) โดยร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 1 เดือนตามทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจีนสั่งให้สหรัฐปิดสถานกงสุลในเมืองเฉิงตูเพื่อตอบโต้สหรัฐที่สั่งปิดสถานกงสุลจีนในฮิวสตัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.70% ปิดที่ 367.29 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,956.43 จุด ลดลง 77.33 จุด หรือ -1.54%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,838.06 จุด ร่วงลง 265.33 จุด หรือ -2.02% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,123.82 จุด ลดลง 87.62 จุด หรือ -1.41%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน และนักลงทุนยังวิตกว่ายอดติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลกและการออกมาตรการควบคุมตามมานั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง

นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา หลังมีข่าวว่าสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในฮิวสตันเนื่องจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการจารกรรมข้อมูล ซึ่งกระตุ้นให้จีนตอบโต้ด้วยการสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตู

หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวในแดนลบ โดยกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดร่วงลง หลังหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงเช่นกันในตลาดหุ้นสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม หุ้นรายตัวปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด อาทิ หุ้นเซนทริกา พุ่ง 16.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี หลังบริษัทประกาศแผนขายธุรกิจไดเร็ค เอ็นเนอร์จีในอเมริกาเหนือให้กับบริษัทเอ็นอาร์จี เอ็นเนอร์จีเป็นเงิน 3.63 พันล้านดอลลาร์

หุ้นอิควินอร์ พุ่งขึ้น 4.6% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด และหุ้นเฟอร์กูสัน ปรับตัวขึ้น 1.7% เนื่องจากอัตราการลดลงของยอดขายในสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.-ก.ค.

หุ้นซิกนิฟาย พุ่ง 5.7% หลังเปิดเผยกำไรสุทธิพุ่งขึ้น 62% ในไตรมาส 2

ส่วนในสัปดาห์หน้านั้น นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกสินค้าหรูหรา โดยคาดว่าบริษัทหลุยส์ วิตตอง ของฝรั่งเศส จะสามารถรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ได้ดีกว่าบรรดาคู่แข่งส่วนใหญ่