ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 205.49 จุด วิตกมาตรการกระตุ้นศก.ไม่คืบหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 29, 2020 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในประเด็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลงในเดือนก.ค. รวมทั้งผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดร่วงลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,379.28 จุด ลดลง 205.49 จุด หรือ -0.77% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,218.44 จุด ลดลง 20.97 จุด หรือ -0.65% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,402.09 จุด ลดลง 134.18 จุด หรือ -1.27%

ตลาดได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐ โดยนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า มาตรการฉบับใหม่นี้จะมุ่งเน้นในการช่วยเหลือเด็กๆให้กลับเข้าเรียนในโรงเรียนอีกครั้ง และช่วยเหลือพนักงานให้สามารถกลับเข้าทำงาน อีกทั้งปกป้องบริษัทเอกชนไม่ให้ถูกฟ้องร้องทางกฎหมายเกี่ยวกับหนี้สิน

อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตได้คัดค้านข้อเสนอการปกป้องบริษัทเอกชนไม่ให้ถูกฟ้องร้องทางกฎหมายเกี่ยวกับหนี้สิน ในขณะที่นายแมคคอนเนลยืนกรานว่า เขาจะไม่ยื่นร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ต่อวุฒิสภาหากไม่รวมข้อเสนอดังกล่าวเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองพรรคยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับวงเงินช่วยเหลือผู้ว่างงาน โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้รักษาวงเงินดังกล่าวเอาไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์

ทั้งนี้ สภาคองเกรสสหรัฐมีเวลาอีกไม่นานก่อนที่โครงการช่วยเหลือคนว่างงานจำนวน 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์จะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 92.6 ในเดือนก.ค. จากระดับ 98.3 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 94.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและในช่วง 6 เดือนข้างหน้า รวมถึงสถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน

หุ้น 3M ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าผู้บริโภครายใหญ่ ร่วงลง 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด

หุ้นแมคโดนัลด์ ดิ่งลง 2.49% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.18% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.12% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 1.68% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.1%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.34% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.21% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ปรับตัวลง 1.73

หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.94% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2563

นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อิงค์, อเมซอนดอทคอม อัลฟาเบท และเฟซบุ๊ก

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธที่ 29 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 30 ก.ค.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่าเฟดจะยืนยันการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในช่วงหลายปีข้างหน้า

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 (ประมาณการเบื้องต้น),ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ