ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น ขณะรอการประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงการแถลงข่าวของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.06% ปิดที่ 367.45 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,822.26 จุด ลดลง 13.02 จุด หรือ -0.10% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,958.74 จุด เพิ่มขึ้น 29.80 จุด หรือ +0.60% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,131.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด หรือ +0.04%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยสหรัฐรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 รายเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันอังคารที่ผ่านมา และจีนรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้น 101 รายในวันพุธ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 3 เดือนครึ่ง
นักลงทุนชะลอการลงทุนขณะรอเฟดประกาศมติการประชุมนโยบายการเงินและรอฟังแถลงการณ์จากนายพาวเวล
ทั้งนี้ หลังปิดตลาดหุ้นยุโรปไปแล้วนั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25%
เฟดยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไป และใช้เครื่องมือทั้งหมดที่เฟดมีอยู่เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐ จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงการรักษาเสถียรภาพของราคา
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรเดโมแครตเกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์
ส่วนการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปถ่วงตลาดลงด้วย โดยหุ้นดอยซ์แบงก์ของเยอรมนี ร่วงลง 2.50% หลังรายงานยอดขาดทุนสุทธิ 77 ล้านยูโร (90.3 ล้านดอลลลาร์) ในไตรมาส 2/2563
หุ้นบาร์เคลย์ของอังกฤษ ร่วงลง 6.11% หลังธนาคารตั้งสำรองหนี้เสียที่เกี่ยวกับโควิด-19 เพิ่มขึ้น หลังรายงานรายได้สุทธิ 695 ล้านปอนด์ (765.64 ล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งปีแรก