ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐออกไปจากกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึงแอปเปิลและอัลฟาเบท จะเปิดเผยผลประกอบการ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,313.65 จุด ลดลง 225.92 จุด หรือ -0.85% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,246.22 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,587.81 จุด เพิ่มขึ้น 44.87 จุด หรือ +0.43%
ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2563 หดตัวลง 32.9% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี หรือนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา GDP สหรัฐหดตัวลง 5% ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้เสนอให้สหรัฐเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. โดยอ้างว่าการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการฉ้อโกงมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
ทั้งนี้ แม้ว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการชะลอการเลือกตั้งประธานาธิบดีเนื่องจากกฎหมายที่ผ่านสภาคองเกรสในศตวรรษที่ 19 ได้กำหนดให้การเลือกตั้งมีขึ้นในวันอังคารแรกของเดือนพ.ย. แต่ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ส่งผลให้นักลงทุนมีปฏิกริยาในด้านลบ
หุ้น 7 กลุ่มจากทั้งหมด 11 กลุ่มที่คำนวนในดัชนี S&P500 ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 3% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.99% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 4.21% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 2.72% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทรุดตัวลง 7.4%
หุ้นดูปองท์ ร่วงลง 2.6% ขณะที่หุ้นดังกินส์ แบรนด์ส ดิ่งลง 4.2% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.52% หุ้นแอมะซอน บวก 0.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.27% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.98% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.42%
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 14.22% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่ชาวอเมริกันอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการในการส่งพัสดุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านและของใช้ส่วนตัวปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
นักลงทุนจับตาพรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวที่กำลังเจรจากันเกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงการขยายโครงการช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งจะหมดอายุสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ทั้งสองพรรคยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือคนว่างงาน โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้รักษาวงเงินดังกล่าวไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน