ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น ขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปี รวมถึงความคืบหน้าในการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,505.83 จุด เพิ่มขึ้น 310.45 จุด, +1.40% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,659.93 จุด เพิ่มขึ้น 201.80 จุด, +0.83% ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,554.86 จุด ลดลง 17.75 จุด, -1.13%
นักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ หลังจากที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 54.2 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.6 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือนก.ค. จากระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ
ในส่วนของการเมืองนั้น แกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสและเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าในการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่ แม้คณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะใช้อำนาจในการผลักดันมาตรการดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว หากยังไม่มีการบรรลุข้อตกลง
สำหรับประเด็นที่ยังคงถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ ยังคงเป็นเรื่องการขยายโครงการช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งได้หมดอายุลงแล้วเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้รักษาวงเงินดังกล่าวไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์