ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะว่า การเจรจามีความคืบหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,828.47 จุด เพิ่มขึ้น 164.07 จุด หรือ +0.62% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,306.51 จุด เพิ่มขึ้น 11.90 จุด หรือ +0.36% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,941.17 จุด เพิ่มขึ้น 38.37 จุด หรือ +0.35%
หุ้น 9 กลุ่มจากทั้งหมด 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.89% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.97% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ พุ่งขึ้น 3.58% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.92% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.21%
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.7% เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของแอปเปิล โดยบริษัทระบุว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2563 อยู่ที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.04 ดอลลาร์ แม้ธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการปิดแอปเปิลสโตร์หลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นราล์ฟ ลอเรน ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของสหรัฐ ร่วงลง 4.32% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 2 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทางบริษัทต้องปิดร้านค้าหลายแห่ง และยังทำให้ความต้องการสินค้าแบรนด์หรูทั่วโลกชะลอตัวลงด้วย
หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ร่วงลง 7.47% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรลดลงในไตรมาส 2
หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 1.5% ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของไมโครซอฟท์ในการเจรจาซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐ ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่คัดค้านการที่ไมโครซอฟท์ คอร์ปจะเข้าซื้อกิจการของ TikTok แต่หากการซื้อกิจการดังกล่าวไม่เกิดขึ้นภายในวันที่ 15 ก.ย. เขาก็จะสั่งแบนการให้บริการของ TikTok ในสหรัฐ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 5.0% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยนายชัค ชูเมอร์ แกนนำของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "เรามีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง และใกล้จะบรรลุข้อตกลง โดยแม้ว่ายังมีหลายประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ แต่เราพยายามที่จะผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"
ทางด้านปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐ "มีการเจรจาที่ดีมาก" ร่วมกับนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชูเมอร์ แต่ปัญหาก็คือว่า พรรคเดโมแครตต้องการรวมเงินช่วยเหลือเมืองและรัฐต่างๆ ในด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับโรคระบาดไว้ในมาตรการเยียวยานี้ ซึ่งปธน.ทรัมป์มองว่าไม่ยุติธรรม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 10.7%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.