ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดช่วงบวกในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ซบเซา
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ
ณ เวลา 19.28 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 140 จุด หรือ 0.50% สู่ระดับ 26,857 จุด หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดก่อนหน้านี้
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวกว่า 100 จุดวานนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 167,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านตำแหน่ง และต่ำกว่าอย่างมากจากระดับ 4.314 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
การจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น 166,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 1,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ การกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ได้ทำให้รัฐต่างๆพากันชะลอการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก
นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
นายชัค ชูเมอร์ แกนนำของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า "เรามีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง และใกล้จะบรรลุข้อตกลง โดยแม้ว่ายังมีหลายประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ แต่เราพยายามที่จะผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเจรจาระหว่างนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ในวันที่ 15 ส.ค. เพื่อประเมินความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก ซึ่งรวมถึงการที่จีนสัญญาที่จะนำเข้าสินค้าสหรัฐมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 2 ปี
ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 10.7%