ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ กลุ่มเหมืองแร่ และน้ำมัน ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.49% ปิดที่ 365.16 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,104.72 จุด เพิ่มขึ้น 68.72 จุด หรือ +1.14%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,660.25 จุด เพิ่มขึ้น 59.38 จุด หรือ +0.47% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,933.34 จุด เพิ่มขึ้น 43.82 จุด หรือ +0.90%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาโลหะ และหุ้นบริษัทน้ำมันปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลง และดอลลาร์อ่อนค่าลง
หุ้นริโอ ตินโต, หุ้นบีเอชพี และหุ้นเกลนคอร์ในกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3.90%, 4.70% และ 7.48% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นบีพี และโททาล ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมัน พุ่งขึ้น 2.47% และ 1.93% ตามลำดับ
การเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปได้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นดอยซ์ โพสต์ เอจีของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.5% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 54.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี จากระดับ 48.3 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PMI ปรับตัวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของยูโรโซนมีการขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน แม้ว่าการจ้างงานยังคงชะลอตัวก็ตาม