ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และน้ำมัน หลังราคาทองคำ, โลหะอื่นๆ และน้ำมันพุ่งขึ้น นอกจากนี้ ข่าวการซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียนในอังกฤษ, ผลประกอบการที่สดใส และข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,104.72 จุด เพิ่มขึ้น 68.72 จุด หรือ +1.14%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส หลังไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักร ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2558 จากระดับ 47.1 ในเดือนมิ.ย. หลังจากทรุดตัวแตะ 13.4 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี PMI ปรับตัวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหราชอาณาจักรกลับสู่ภาวะขยายตัว หลังจากหดตัวติดต่อกัน 4 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ แม้ว่าการจ้างงานยังคงชะลอตัว
หุ้นแฮสติ้งส์ซึ่งเป็นบริษัทประกันรถยนต์ พุ่งขึ้นกว่า 17% หลังตกลงขายกิจการให้กับบริษัทแซมโปของฟินแลนด์และบริษัทแรนด์ เมอร์ชานท์ อินเวสเมนต์ (RMI) ของแอฟริกาใต้
ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ได้ช่วยหนุนหุ้นบริษัทเหมืองทอง โดยหุ้นเซนทามิน และหุ้นฮอชส์ไชลด์ มายนิ่ง พุ่ง 9.6% และ 14.4% ตามลำดับ
หุ้นริโอ ทินโต, หุ้นบีเอชพี และหุ้นเกลนคอร์ในกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3.90%, 4.70% และ 7.48% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองแดงและสินแร่เหล็ก ขณะที่หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.47% ตามราคาน้ำมัน
หุ้นโคคา-โคลา พุ่งขึ้นกว่า 8% และหุ้นวิลเลียม ฮิลล์ พุ่ง 8.9% หลังเปิดเผยผลประกอบการดีเกินคาด
บรรดานักลงทุนจะรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดกันว่า BoE จะลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ย