ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-จีน หลังสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะทำงานที่ประกอบด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจย์ เคลย์ตัน ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้เสนอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิกถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ หากบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบบัญชีของสหรัฐได้ภายในเดือนม.ค. 2565
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,273.62 จุด ลดลง 144.53 จุด ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,364.43 จุด ลดลง 566.15 จุด หรือ -2.27% ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,584.20 จุด ลดลง 4.37 จุด, -0.28%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ห้ามไม่ให้บุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเจ้าของติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันแชร์คลิปวิดีโอชื่อดังสัญชาติจีน รวมถึงแอปพลิเคชันวีแชท (WeChat) ของบริษัทเทนเซ็นต์ โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก 45 วัน
บรรดานักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานล่าสุดว่า นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยว่า การเจรจาร่วมกับคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 รอบใหม่นั้น มีความคืบหน้าบางส่วน และดำเนินไปในทางบวก อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงขัดแย้งกันอย่างมากในประเด็นสำคัญๆ เช่น การต่ออายุโครงการเงินช่วยเหลือคนว่างงาน