ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลดลง นักลงทุนวิตกข้อพิพาทจีน-สหรัฐ

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีห้ามไม่ให้บุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่และเจ้าของ ติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันแชร์คลิปวิดีโอชื่อดังสัญชาติจีน

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,443.73 จุด ลดลง 87.89 จุด, -0.36% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,569.13 จุด ลดลง 9.01 หรือ -0.57% ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันภูเขา

การลงนามคำสั่งดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่แล้ว ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ติ๊กต็อกเตรียมที่จะยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐอย่างเร็วที่สุดในวันอังคารที่จะถึงนี้ รวมทั้งชี้แจงว่า การดำเนินการของทรัมป์ขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากทรัมป์ไม่ได้เปิดโอกาสให้บริษัทได้ชี้แจง และการดำเนินการโดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของสหรัฐก็ถือเป็นเรื่องที่ไร้ซึ่งข้อมูลสนับสนุน

นอกจากนี้ จีนและสหรัฐยังมีประเด็นความตึงเครียดต่อกัน โดยล่าสุดนายอเล็กซ์ เอซาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐ ได้เดินทางเยือนไต้หวัน และเข้าพบนางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ที่กรุงไทเปในวันนี้ ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีของสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวันนั้น มีแนวโน้มจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนตึงเครียดขึ้นอีก

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งขยับขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัว 2.5%

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลง 2.4% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี

อย่างไรก็ดี ดัชนี PPI เดือนก.ค. ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนมิ.ย.ซึ่งร่วงลงถึง 3% เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ