ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีนยังคงส่งผลกดดันตลาด และถ่วงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.30% ปิดที่ 364.65 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,050.59 จุด เพิ่มขึ้น 18.41 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,687.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.65 จุด หรือ +0.10% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,909.51 จุด เพิ่มขึ้น 19.99 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางลง เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์หยุดพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน
นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในไม่ช้านี้ หลังจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลง 2.4% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี
อย่างไรก็ดี ดัชนี PPI เดือนก.ค. ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนมิ.ย.ซึ่งร่วงลงถึง 3% เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ
หุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นบีพี บวก 2.84% หุ้นเชลล์ เพิ่มขึ้น 2.13% และหุ้นโททาล ปรับตัวขึ้น 1.36%
หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มการเดินทาง และกลุ่มสันทนาการ เพิ่มขึ้นด้วย
หุ้นคาร์นิวัล พุ่งขึ้น 9.3% หลังบริษัทวางแผนที่จะเริ่มเดินเรือสำราญจากท่าเรือในเยอรมนีในช่วงต้นเดือนก.ย.
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐ-จีนก่อนการเจรจากันในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เพื่อทบทวนข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ลงนามกันในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจะจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับกฎหมายฉบับที่ 5 ในการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่ออนุมัติเงินช่วยเหลือคนว่างงานไปจนกว่ากฎหมายเยียวยาเศรษฐกิจดังกล่าวจะผ่านการอนุมัติ