ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (11 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่การเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงชะงักงัน ซึ่งกดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,686.91 จุด ลดลง 104.53 จุด หรือ -0.38% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,333.69 จุด ลดลง 26.78 จุด หรือ -0.80% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,782.82 จุด ลดลง 185.54 จุด หรือ -1.69%
ตลาดหุ้นสหรัฐถูกกดดัน หลังจากนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ผู้เจรจาของทำเนียบขาวยังไม่ได้พูดคุยกับผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสเกี่ยวกับกฎหมายเยียวยาผลกระทบของโรคโควิด-19 หลังจากที่การเจรจาล้มเหลวในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เทรดเดอร์ระบุว่า บรรดานักลงทุนได้เทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19
หุ้นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ซึ่งส่งผลถ่วงดัชนี Nasdaq ร่วงลง โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วง 3.40%, หุ้นแอปเปิล ร่วง 2.97%, หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วง 2.61%, หุ้นแอมะซอน ร่วง 2.14% และหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.09%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้ว และส่งผลถ่วงดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง
หุ้นกลุ่มทองคำร่วงลงด้วย หลังจากราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรง โดยสัญญทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 93.40 ดอลลาร์ หรือ 4.6% สู่ระดับ 1,946.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดพลิกปิดในแดนลบ หลังบวกขึ้นในช่วงแรกโดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัสเซียได้อนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียระบุว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวลง 0.4% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI อาจปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และอาจลดลง 0.7% เมื่อเทียบรายปี