ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจีนและเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส นอกจากนี้ ความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.68% ปิดที่ 370.76 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,154.34 จุด เพิ่มขึ้น 103.75 จุด หรือ +1.71%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,946.89 จุด เพิ่มขึ้น 259.36 จุด หรือ +2.04% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,027.99 จุด เพิ่มขึ้น 118.48 จุด หรือ +2.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีนและเยอรมนี
หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มการเดินทางและสันทนาการ กลุ่มน้ำมันและก๊าซ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มรถยนต์
หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้น หลังจีนเปิดเผยข้อมูลยอดขายรถยนต์ เพิ่มขึ้น 16.4% ในเดือนก.ค.เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยตลาดรถยนต์จีนซึ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโรคโควิด-19
นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี หลังศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 71.5 ในเดือนส.ค. จากระดับ 59.3 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.0
การดีดตัวของดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจเยอรมนี ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงฤดูร้อน
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ร่วงลงสู่ระดับ -81.3 จากระดับ -80.9 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -68.8
หุ้นกลุ่มปลอดภัยซึ่งมักมีเสถียรภาพในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ต่างก็ปรับตัวขึ้นด้วย
หุ้นคอนติเนนทัล หุ้นบีเอ็มดับบลิว และหุ้นโฟลร์คสวาเกนของเยอรมนี พุ่งขึ้น 9.08%, 5.76% และ 5.17% ตามลำดับ
หุ้น IAG เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ และหุ้นโรลส์-รอยซ์ พุ่ง 8.65% และ 5.19% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นบีพี พุ่ง 4.11% และหุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 3.86%