ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน และข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,976.84 จุด เพิ่มขึ้น 289.93 จุด หรือ +1.05% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,380.35 จุด เพิ่มขึ้น 46.66 จุด หรือ +1.40% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,012.24 จุด เพิ่มขึ้น 229.42 จุด หรือ +2.13%
นักวิเคราะห์จากบริษัทเกลนมีด อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ในรัฐเพนซิลวาเนียของสหรัฐ กล่าวว่า นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากความหวังที่ว่า บริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์มากที่สุดในช่วงเวลาที่สหรัฐยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ประชาชนต้องทำงานจากที่บ้าน
ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.32% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.86% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 1.47% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.83% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.65%
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน โดยนายมิคาอิล มูราชโก รัฐมนตรีสาธารณสุขรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะเริ่มการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ภายในเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งในระยะแรกจะเน้นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ ก่อนที่จะผลิตตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ของสหรัฐ เพื่อซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ปริมาณ 100 ล้านโดส มูลค่าราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยโมเดอร์นาเปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 เป็นหนึ่งในวัคซีนต้านโควิดเพียงไม่กี่ตัวที่เข้าสู่การทดลองขั้นสุดท้ายแล้ว และการทดลองดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นโมเดอร์นาปรับตัวขึ้น 0.8%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 1.0% เมื่อเทียบรายปี โดยการดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI ในเดือนก.ค.ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้น JD.com พุ่งขึ้น 2.81% และหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 2.73%
นักลงทุนยังคงจับตาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสในการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยล่าสุดนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า จุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคง"ห่างกันเป็นไมล์"
ทางด้านนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องให้ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครต เริ่มการเจรจากันอีกครั้งเกี่ยวกับร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่การเจรจาประสบความล้มเหลวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ค., ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน