ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งปรับตัวขึ้นขานรับมาตรการของจีนในการอัดฉีดสภาพคล่องในระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ แต่ตลาดก็ยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นของโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.32% ปิดที่ 369.26 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,127.44 จุด เพิ่มขึ้น 37.40 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,920.66 จุด เพิ่มขึ้น 19.32 จุด หรือ +0.15% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,971.94 จุด เพิ่มขึ้น 9.01 จุด หรือ +0.18%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่พุ่งขึ้นขานรับข่าวธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการดำเนินการทางตลาด (Open Market Operations: OMO) เมื่อวานนี้ เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาด
ทั้งนี้ แบงก์ชาติจีนได้อัดฉีดเงิน 7 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.009 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงินเมื่อวานนี้ผ่านทางโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) โดยโครงการดังกล่าวมีอายุการไถ่ถอนในระยะเวลา 1 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 2.95%
หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.83%, หุ้นอีฟแรซ บวก 1.50% และหุ้นเกล็นคอร์ ปรับตัวขึ้น 1.92%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป และกลุ่มสินค้าหรูหราปรับตัวขึ้นด้วย หลังนักวิเคราะห์ระบุถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจเหล่านี้ในจีน โดยหุ้นหลุยส์วิตตอง บวก 0.44%, หุ้นเบอเบอร์รี เพิ่มขึ้น 1.86% และหุ้นเคอริ่ง ปรับตัวขึ้น 0.51%
แต่หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นของโรคโควิด-19 และถูกกดดันจากการที่อังกฤษสั่งให้ผู้เดินทางมาจากฝรั่งเศสต้องกักตัว 14 วันเมื่อเดินทางเข้าอังกฤษ