ดาวโจนส์เปิดบวก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจ-ผลประกอบการแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 18, 2020 20:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนหลังจากที่บริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่าง โฮม ดีโปท์ และวอลมาร์ทเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านพุ่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เปิดตลาดที่ 27,853.48 จุด เพิ่มขึ้น 8.57 จุด หรือ +0.03%

โฮม ดีโปท์ เปิดเผยยอดขายในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นกว่า 23% ขณะที่วอลมาร์ทเปิดเผยยอดขายออนไลน์ในสหรัฐ พุ่งขึ้น 97% ในไตรมาส 2 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ก.ค. โดยได้แรงหนุนจากความต้องการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ยอดขายไม่รวมเชื้อเพลิงในร้านสาขาของวอลมาร์ทที่เปิดทำการอย่างน้อย 1 ปีนั้น เพิ่มขึ้น 9.3% ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจเพิ่มขึ้น 5.73%

ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันนี้มีส่วนช่วยหนุนตลาดด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า การเริ่มสร้างบ้าน เพิ่มขึ้น 22.6% สู่ 1.496 ล้านหลังในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.22 ล้านหลังในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.24 ล้านหลัง

ทั้งนี้ การสร้างบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้วในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า ภาคการก่อสร้างบ้านกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์จากผลกระทบของโรคโควิด-19

ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 18.8% แตะ 1.495 ล้านหลัง และเพิ่มขึ้น 9.4% จากเดือนก.ค. 2562

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศยกระดับมาตรการกีดกันบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน โดยพุ่งเป้าไปที่การปิดช่องทางไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงชิปและเทคโนโลยีต่างๆ และสหรัฐยังขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือหัวเว่ยเพิ่มอีก 38 แห่ง ส่งผลให้ยอดรวมบริษัทในเครือหัวเว่ยที่ถูกขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ 152 แห่ง โดยสหรัฐมองว่าหัวเว่ยอาศัยบริษัทกลุ่มนี้เพื่อฉวยประโยชน์จากเทคโนโลยีสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 28-29 ก.ค.ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ