ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างคึกคัก ท่ามกลางความหวังที่ว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะฟื้นตัวเร็วกว่าภาคส่วนอื่นๆในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 โดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากตัวเลขคนว่างงานในสหรัฐที่สูงกว่าการคาดการณ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,739.73 จุด เพิ่มขึ้น 46.85 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,385.51 จุด เพิ่มขึ้น 10.66 จุด หรือ +0.32% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,264.95 จุด เพิ่มขึ้น 118.49 จุด หรือ +1.06%
นักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ทำสถิตินิวไฮเป็นครั้งที่ 35 ในปีนี้ โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.22% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.33% หุ้นอัลฟาเบท ดีดขึ้น 2.05% หุ้นเฟซบุ๊ก ทะยานขึ้น 2.44% หุ้นแอมะซอน บวก 1.13%
หุ้น Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.18 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.97 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ดีดตัวขึ้น 0.68% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะทำการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เฟส 3 ในเดือนก.ย. โดยจะมีอาสาสมัครเข้าร่วมในโครงการมากถึง 60,000 ราย โดยการทดลองดังกล่าวจะมีขึ้นในสถานที่ราว 180 แห่งทั้งในสหรัฐและประเทศต่างๆ
หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 6.56% และปิดที่ระดับสูงกว่าแนวสำคัญทางจิตวิทยาที่ 2,000 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ยังคงได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุน
หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน "วิคตอเรีย ซีเครท" พุ่งขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสที่ดีเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากยอดขายทางออนไลน์
หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ปรับตัวลง 0.16% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.5375 แสนล้านหยวน (2.222 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกตามปีงบการเงินบริษัท
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.106 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 923,000 ราย
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ลดลงสู่ระดับ 17.2 ในเดือนส.ค. จากระดับ 24.1 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 21.0
ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 3% ในเดือนมิ.ย.และพ.ค. ขณะที่ดิ่งลง 6.3% ในเดือนเม.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจะปรับรูปแบบเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในหัวข้อ "Navigating the Decade Ahead: Implications for Monetary Policy"