ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 28,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮ หลังจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เป็นความหวังว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มอุตสาหกรรม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,308.46 จุด เพิ่มขึ้น 378.13 จุด หรือ +1.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,431.28 จุด เพิ่มขึ้น 34.12 จุด หรือ +1.00% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,379.72 จุด เพิ่มขึ้น 67.92 จุด หรือ +0.60%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคักคักเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แถลงว่า FDA ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยพลาสมาเหล่านี้ได้รับการบริจาคจากผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคโควิด-19 แต่ได้รับการรักษาจนหายดี
ปธน.ทรัมป์แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "นี่เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมาก เราจะกระจายพลาสมาเหล่านี้ออกไปเพื่อให้ชาวอเมริกันที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 สามารถเข้าถึงการรักษานี้ได้มากขึ้น" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า การรักษาโดยใช้พลาสมาจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ถึง 35%
ทางด้าน FDA ระบุว่า การรับรองให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกันในการรักษาโรคโควิด-19 นั้น พิจารณาจากหลักฐานที่ได้จากผลการทดลองใช้พลาสมาดังกล่าวในช่วงแรกที่ไวรัสเริ่มแพร่ระบาด, หลักฐานการทดลองทางคลินิกที่ทำหลายครั้งจนมั่นใจ และข้อมูลยืนยันจาก "National Convalescent Plasma Expanded Access Protocol"
ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เป็นความหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มอุตสาหกรรม โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 10.53% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 9.93% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน พุ่งขึ้น 9.28% ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 6.43% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.35% หุ้น 3M บวก 1.13%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.64% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 1.2% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.31% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.61% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.69%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 2.49% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.49% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.50%
หุ้นแบล็คสโตน กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.62% หลังจากทาเคดา ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ได้ตกลงขายกิจการทาเคดา คอนซูเมอร์ เฮลท์แคร์ (Takeda Consumer Healthcare) ในประเทศญี่ปุ่น ให้กับแบล็คสโตน ในวงเงิน 2.3 พันล้านดอลลาร์
หุ้น Zoom Video Communications ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วงลง 2.6% หลังจากที่เกิดปัญหาขัดข้องชั่วคราวจนทำให้ผู้ใช้บริการจำนวนมากในสหรัฐไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ในช่วงเที่ยงวานนี้ตามเวลาสหรัฐ อย่างไรก็ดี ทางบริษัทได้แถลงยืนยันในเวลาต่อมาว่าสามารถกลับมาให้บริการแก่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ในสหรัฐได้แล้ว
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจะปรับรูปแบบเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในหัวข้อ "Navigating the Decade Ahead: Implications for Monetary Policy" ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค. เวลา 09.10 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.10 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.