ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากถูกกดดันจากการที่บริษัทจดทะเบียนของอังกฤษเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งตอกย้ำถึงความเสียหายของภาคธุรกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดลงมากที่สุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,999.99 จุด ลดลง 45.61 จุด หรือ -0.75%
ตลาดหุ้นลอนดอนถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางธุรกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากบริษัทโรลส์-รอยซ์รายงานผลประกอบการขาดทุนก่อนหักภาษีที่ 3.2 พันล้านปอนด์ (4.2 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ ตลาดไม่ได้รับแรงหนุนแต่อย่างใดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ
เฟดประกาศที่จะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%
หุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 1.1% หลังถูกสหรัฐวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการปฎิบัติที่ไม่เหมาะสมด้วยการอายัดบัญชีของลูกค้าที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหวที่สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง
หุ้นเกล็นคอร์และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 1.08% และ 2.57% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเชลล์และหุ้นบีพี ปรับตัวลง 0.96% และ 1.29% ตามลำดับ