ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,184.12 จุด บวก 83.62 จุด หรือ 0.29%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 881,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 950,000 ราย หลังจากมีการรายงานจำนวน 1.011 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 13.254 ล้านราย หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.
ราคาหุ้นเฟซบุ๊ก อิงค์ร่วงลงกว่า 2% หลังแถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทจะแบนโฆษณาทางการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กระบุว่า ทางบริษัทจะระงับโฆษณาทางการเมืองที่มีการส่งเข้ามาในบริษัทในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.
อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังคงอนุญาตให้มีโฆษณาทางการเมืองที่มีการส่งเข้ามาก่อนวันที่ 27 ต.ค.
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า บริษัทจะทำการบล็อกโพสต์หรือโฆษณาที่พยายามขัดขวางประชาชนจากการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยอ้างว่าจะมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หากออกไปโหวต
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.763 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.48 ล้านตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 4.791 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% โดยต่ำกว่าระดับ 11.1% ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.6%
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้น 18.9% สู่ระดับ 6.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การนำเข้าพุ่งขึ้น 10.9% สู่ระดับ 2.317 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 8.1% สู่ระดับ 1.681 แสนล้านดอลลาร์