ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับจีน พร้อมกับขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีบริษัทสหรัฐที่ออกไปสร้างงานในจีนและประเทศอื่นๆ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,966.89 จุด ลดลง 307.24 จุด, -1.32% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,281 จุด ลดลง 35.42 จุด, -1.07% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,295.42 จุด ลดลง 328.92 จุด, -1.34% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 12,592.18 จุด ลดลง 71.38 จุด, -0.56% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,372.53 จุด ลดลง 29.38 จุด, -1.22% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,488.12 จุด ลดลง 16.64 จุด, -0.66% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,505.74 จุด ลดลง 13.58 จุด, -0.89%
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับจีน พร้อมกับขู่ว่าจะใช้มาตรการลงโทษบริษัทของสหรัฐที่ไปสร้างงานในต่างประเทศ และจะกีดกันบริษัทที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนไม่ให้ได้รับสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลกลางสหรัฐ
"เราจะผลิตชิ้นส่วนสำคัญที่ใช้ในด้านการผลิตภายในประเทศของเรา เราจะให้เครดิตภาษีแก่สินค้าที่ตีตรา 'Made in America' และเราจะนำตำแหน่งงานกลับคืนสู่สหรัฐ ขณะเดียวกันเราจะเรียกเก็บภาษีบริษัทที่ออกไปสร้างงานในจีนและในประเทศอื่นๆ หากบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถทำธุรกิจในสหรัฐได้ ก็ปล่อยให้พวกเขาเสียภาษีก้อนใหญ่เพื่อจะออกไปสร้างงานในต่างประเทศ และส่งสินค้ากลับมาขายในประเทศเรา" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทางด้านจีนได้ออกมาเคลื่อนไหวในเวลาต่อมา ด้วยการนำเสนอแผน "Global Initiative on Data Security" ในที่ประชุม "International Seminar on Global Digital Governance" ซึ่งจัดขึ้นผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีควรปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของประเทศที่บริษัทนั้นๆ ดำเนินธุรกิจอยู่ ขณะเดียวกันประเทศต่างๆ ก็ไม่ควรเรียกร้องให้บริษัทภายในประเทศทำการเก็บข้อมูลของประเทศอื่นๆ พร้อมกับย้ำว่า ผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และการบริการ ICT ไม่ควรติดตั้งระบบแบ็คดอร์ในผลิตภัณฑ์และการบริการเหล่านี้เพียงเพื่อให้ได้ข้อมูลของผู้ใช้งานอย่างผิดกฎหมาย